ประมาณครึ่งหนึ่งของเวลา 30 นาทีต่อวันบนโซเชียลมีเดีย พวกเขาหมดไปกับการดู News Feed พร้อมอัปเดต ใคร….ทำอะไร….ที่ไหน ส่วนเวลาที่เหลือจะแบ่งไปกับการส่งข้อความ หรือ การโพสต์การอัปเดต หรือหากไลฟ์สไตล์คุณเป็นสายเกมเมอร์ทางสื่อโซเชียล คุณมักจะเล่นเกมส์ผ่านโทรศัพท์มากกว่า 2-3 ครั้งต่อวัน
นี่คือเหตุผลสำคัญ ที่ “คุณ” ในฐานะเจ้าของธุรกิจควรที่จะแอคทีฟ Facebook ของคุณ เนื่องจาก
กิจกรรมบนสื่อสังคมออนไลน์ส่วนใหญ่ก็สามารถทำได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย บนหน้าฟีด Facebook ของคุณเอง
แต่เชื่อไหมว่าจำนวนผู้ติดตามของคุณทั้งหมดในสื่อโซเชียล จะมีเพียง 5% – 10% ของผู้ติดตามเหล่านี้ที่จะเห็นโพสต์ของคุณ เพราะทาง Facebook ได้จำกัดการมองเห็นเนื่องจากทาง Facebook เองก็ต้องการให้คุณจ่ายเงินให้เขาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นโพสต์ของคุณจากผู้ติดตามหรือผู้ใช้ใหม่
ทั้งนี้การใช้จ่ายในการบูทส์โพสต์เพื่อให้ผู้ใช้มองเห็นโฆษณาของคุณ อาจเป็นการใช้เงินอย่างคุ้มค่า ดังนั้น อย่าดายเสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยในการบูทส์โพสต์เพียงสองสามครั้งต่อเดือน
1. ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อผู้ติดตามใหม่
สิ่งหนึ่งที่คุณควร “เลิก” คือการจ่ายเงินเพื่อซื้อผู้ติดตามใหม่ หลายครั้งที่คุณได้ผู้ติดตามที่ไม่ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย ผู้ใช้เหล่านั้นไม่เพียงแต่ไม่สนใจในผลิตภัณฑ์ของคุณ พวกเขามักจะไม่มีส่วนร่วมไปกับโพสต์ของคุณด้วย เช่นการแสดงความคิดเห็น หรือ การแชร์ เพราะการมีส่วนร่วมได้บ่งชี้ว่าผู้ติดตามในโลกโซเชียลชอบโพสต์ของคุณ หากคุณมีผู้ติดตามที่มีส่วนร่วมพวกเขาจะเพิ่มเปอร์เซ็นต์ และจำนวนของผู้ติดตามที่จะเห็นโพสต์ในอนาคต เมื่อผู้ใช้มีส่วนร่วมมักจะเปิดโพสต์นั้นให้เพื่อน ๆ ได้อ่านโพสต์นั้นด้วย ซึ่งหมายความว่าข้อความของคุณกำลังได้รับการบอกต่อบนโลกโซเชียล
นี่คือความจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องมีผู้ติดตามที่ชื่นชอบธุรกิจของคุณ เพราะเมื่อคุณเพิ่มผู้ติดตามที่ไม่สนใจ นอกจากจะทำให้ยอดการมีส่วนร่วมของคุณลดลงแล้ว ประสิทธิภาพในการมองเห็นโพสต์ของคุณก็จะลดน้อยไปด้วย
เรากำลังหมายถึงอะไร?
เมื่อคุณสร้างโพสต์และแชร์ให้กับผู้ติดตามโดยทราบถึงข้อกำหนดด้านการปิดกั้นการมองเห็นของผู้ติดตาม คุณเองก็ไม่ควรเสียพื้นที่ในการนำเสนอเนื้อหาของคุณไปกับกลุ่มผู้ติดตามที่ไม่สนใจในสินค้าของคุณ
บางทีผู้ติดตาม 50 คนที่เป็นคนที่สนใจสินค้าของคุณจริงๆ ก็อาจจะดีกว่าผู้ติดตาม 300 คน ที่ไม่สนใจในตัวสินค้าของคุณเลย นอกจากนี้ยังชะลอการเติบโตของเพจ เนื่องจากผู้ติดตามเหล่านั้นมักไม่มีส่วนร่วมในการแชร์โพสต์ของคุณอีกด้วย
2. กลยุทธ์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับสิ่งที่คุณโพสต์
การโพสต์บน Facebook ควรเป็นไปอย่างมีแบบแผน ซึ่งคุณต้องใช้เงินไปอย่างคุ้มค่าเพื่อผลประโยชน์สูงสุด เมื่อคุณโพสต์ข้อความที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของคุณ อาจจะลิงก์กลับไปที่เว็บไซต์ของคุณ นี่คือช่วงเวลาที่คุณพยายามเปลี่ยนผู้ติดตามของคุณให้เป็นลูกค้า
ข้อเสียคือโพสต์เหล่านั้นมักไม่ได้รับความสนใจ และหากเพจของคุณเต็มไปด้วยโพสต์เหล่านั้น มันก็ย่อมส่งผลเสียต่อความนิยมของเพจคุณ
ดังนั้น คุณต้องผสมผสานสิ่งที่คุณโพสต์กับเนื้อหาที่คุณรู้ว่า มันอาจจะไม่ช่วยให้เกิดยอดขาย แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการมีส่วนร่วมมากมาย สิ่งนี้จะช่วยให้เพจของคุณมีการเติบโตไปพร้อมกับยอดขายและยอดผู้ติดตาม
ตัวอย่างด้านล่างนี้ เพจ (Dan about Thailand) ทราบว่าผู้ติดตามมีความสนใจในประเทศไทย จึงแชร์รูปภาพของเมืองยอดนิยมในไทย แทนที่จะเน้นการขายอย่างเดียว
จากผู้ติดตาม 16,000 คน โพสต์ดังกล่าวได้รับการกดไลค์มากกว่า 300 ครั้ง พร้อมแสดงความคิดเห็นมากว่า 150 ครั้ง รวมไปถึงการแชร์ 57 ครั้ง การโพสต์แบบนี้ทำให้ผู้ติดตามใหม่ ๆ มาที่เพจ เนื่องจากโพสต์ดังกล่าวกลายเป็นไวรัล โพสต์ด้านบนนี้มีผู้คนเห็นกว่า 27,000 คนโดยมีผู้ติดตามเพียง 11,000 คนซึ่งมากกว่าจำนวนผู้ติดตามทั้งหมดที่เพจมี นั่นแหละคือประโยชน์ของการสร้างโพสต์ดังกล่าว
ถ้าคุณฟังถึงจุดนี้แล้วคุณยังสับสนอยู่? จริงๆแล้ว มันค่อนข้างง่าย เพียงแค่สร้างสรรค์เนื้อหาที่หลากหลายในโพสต์ของคุณ บางครั้งสร้างยอดขายผ่านข้อความ ภาพถ่าย และหากคุณมีความมั่นใจ ก็สามารถสร้างวิดีโอข้อความให้ลูกค้าของคุณได้เช่นกัน
3. เชิญผู้ใช้ที่แสดงความสนใจให้มาติดตามเพจของคุณ
การเชิญผู้ใช้ที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้ว ค่อนข้างเป็นกลยุทธ์ที่ดีกว่าการจ่ายเงินเพื่อเพิ่มยอดไลค์ ธุรกิจส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่ถ้าคุณอ่านต่อไปคุณอาจจะร้อง “อ๋อ” ออกมาดังๆ
นี่เป็นเคล็ดลับอันยอดเยี่ยมในการเพิ่มจำนวนผู้ติดตามของคุณอย่างรวดเร็ว
เมื่อคุณสร้างโพสต์และได้รับการกดไลค์ ผู้ใช้บางคนจะไม่ได้เป็นผู้ติดตามเพจของคุณ พวกเขาจะพบเนื้อหาของคุณจากผู้ใช้รายอื่นที่แชร์โพสต์บนฟีดข่าวโซเชียลของตนเองเป็นต้น
คลิกที่ปุ่ม Like เพื่อแสดงบัญชีผู้ใช้ของผู้ที่ชอบโพสต์นั้น ที่สำคัญกว่านั้น ฟังก์ชันนี้จะแสดงให้คุณเห็นว่าพวกเขาเป็นผู้ติดตามอยู่แล้วหรือไม่ หากคนที่มาไลค์ไม่ใช่ผู้ติดตาม คุณสามารถเชิญเข้าร่วมเพจของคุณได้
กลยุทธ์นี้สามารถขยายเพจของคุณได้อย่างรวดเร็วผ่านการชวนผู้ใช้ใหม่ๆ ให้มาเป็นส่วนนึงของเพจ คุณควรตรวจสอบทุกโพสต์ที่คุณสร้าง พร้อมกับขยายผู้ติดตามได้ในเวลาเดียวกัน
4. คุณควรมีส่วนร่วมกับผู้ติดตามของคุณ
เมื่อผู้ติดตามเพิ่มความคิดเห็นในโพสต์ของคุณ คุณควรตอบกลับพวกเขาเสมอพร้อมกับแสดงความคิดเห็นในเชิงบวก
การกระตุ้นการมีส่วนร่วมด้วยการตั้งคำถามเป็นอีกวิธีที่มักจะได้ผล โดยคุณสามารถใช้วิธีนี้เพื่อตอบรับคำติชมจากลูกค้า ตัวอย่างเช่นหากคุณเป็นร้านอาหารคุณสามารถขอคำแนะนำเกี่ยวกับอาหารจานใหม่เพื่อใส่ในเมนูของคุณได้
ยิ่งคุณสามารถสร้างการมีส่วนร่วมบนเพจ Facebook ของคุณกับลูกค้าได้มากเท่าไหร่พวกเขาก็จะมีโอกาสใช้ธุรกิจของคุณมากขึ้นและมีโอกาสเป็นลูกค้าประจำที่รักในสินค้าของคุณมากขึ้นเช่นกัน
